ปรัชญาโรงสี (ตอนที่ 2)
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ที่เราได้นำเสนอเทคนิคในการเลือกทำเลที่ตั้งของโรงสี วันนี้เราจะมาต่อกันด้วยกับเทคนิคต่างๆในการบริหารโรงสีกันค่ะ

โอกาสดีไม่ได้มีมาให้เลือกบ่อยๆ
เมื่อเราตั้งใจทำธุรกิจโรงสีข้าวแล้ว ข้อมูลต่างๆพร้อม ก็ต้องรีบฉวยโอกาสดีๆมาใส่ตัว ไว้เป็นจุดเริ่มต้นของการประสบความสำเร็จ เพราะโอกาสเหล่านี้ก็เหมือนกับเวลา ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เคยคอยใคร มีคนในโลกนี้อีกมากมายที่เฝ้ารอคอยโอกาสดีๆ หรือบางที ก็ปล่อยโอกาสดีๆนั้นหลุดลอยหายไป ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น กลัวการเริ่มต้น ดูถูกความสามารถของตนเอง บางครั้งก็คิดว่าโอกาสอย่างนี้จะต้องผ่านเข้ามาอีกบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้คือคำแก้ตัวของการเริ่มต้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่เลือกที่จะรอคอยโอกาสหรือเทวดาฟ้าประทานให้ แต่เขาจะสร้างโอกาสขึ้นมาเอง และทำโอกาสนั้นเป็นโอกาสทองที่จะทำให้ตนเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในช่วงเวลานั้น บางครั้งเวลาที่จะมาถึงยังอีกไกล แต่เขาจะสร้างสิ่งแวดล้อมขึ้นมาเพื่อรองรับโอกาสนั้น เมื่อเวลามาถึงเขาเองจะได้เป็นผู้รับผลประโยชน์อย่างคุ้มค่า
"คนที่ปล่อยโอกาสดีๆหลุดลอยไปนั้น ก็เหมือนกับคนที่ปล่อยความเจริญรุ่งเรืองให้กับคนอื่นไป ส่วนคนที่เฝ้ารอคอยโอกาสดีๆ ก็เหมือนกับคนที่รอคอยฟ้าฝน ถึงแม้ว่าฝนตกมาจริงๆ ก็ไม่มีความหมายเท่าไหร่ เพราะท่านไม่ได้เตรียมภาชนะไว้รองนั่นเอง"

มองโลกในแง่ดี
คนเราทุกคนต้องการความสำเร็จ ความร่ำรวยด้วยกันทั้งนั้น แต่คนที่จะประสบความสำเร็จนั้นต้องมาจากการทำงานอย่างหนัก ในธุรกิจโรงสีข้าวนั้น เหนือฟ้ายังมีฟ้า โรงสีข้าวขนาดใหญ่หลายโรงสีเกิดมาจากโรงสีเล็กๆ ก็มีมากเพราะความขยันและซื่อสัตย์ อดออม และรักความก้าวหน้า จึงได้ขยายกิจการมาโดยตลอด ปัจจุบันเราจะเห็นการสร้างโรงสีขนาดใหญ่ๆหลายจังหวัด ถ้าเราไปอิจฉาริษยาบรรดานักลงทุนขนาดใหญ่ ว่าทำไมเราจึงไม่มีความสามารถสร้างโีงสีขนาดใหญ่ได้บ้าง จริงๆแล้วโรงสีขนาดใหญ่เหล่านั้นก็เริ่มมาจากโรงสีขนาดเล็กมาในอดีตกันทั้งสิ้น เพราะความชำนาญ ความสามารถในการบริหารจึงทำให้สามารถสร้างโรงสีขนาดใหญ่ได้ในวันนี้ ในยุคของการแข่งขันเสรี ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก ธุรกิจขนาดใหญ่มีเครื่องมือครบ ระบบทันสมัย ระบบการขนส่ง การมีระบบขนส่งเป็นของตนเอง จะได้เปรียบกว่าเพราะการขนส่งวัตถุดิบรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ้างขนส่งจากที่อื่น แต่ใช่ว่าโรงสีขนาดกลาง จะประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าเราหันไปหาจุดแข็ง ซึ่งอยู่ที่ผู้บริหารจะค้นพบ เราเรียกว่าช่องว่างการตลาด สินค้ากลุ่มไหนที่โรงสีข้าวขนาดใหญ่ทำไม่ได้ การเลือกซื้อข้าวคุณภาพพิเศษ ปริมาณไม่มากนัก การส่งมอบ การขายปลีก และอื่นๆ อีกหลายช่องทางที่เราสามารถเลือกทำธุรกิจได้
"การทำธุรกิจ ต้องเริ่มจากเล็กและมีความชำนาญในเรื่องที่เราทำอยู่ เมื่อมีโอกาส มีกำไรต้องสะสมทุนไว้และค่อยๆขยายกิจการอย่างมั่นคง โรงสีเล็กหรือโรงสีใหญ่นั้น การบริหารไม่เหมือนกัน ความสำเร็จหรือร่ำรวยนั้นมีคำจำกัดความที่ต่างกัน แล้วแต่ท่านจะเลือก"